วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

N = planning


N = Planning
               หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560  โรงเรียนถนอมศรีศึกษา
ปรัชญา
โรงเรียนในสังกัดคณะภคินีผู้รับใช้ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ มีปรัชญาการศึกษาที่มาจากจิตตารมณ์และคติพจน์ของคณะ ซึ่งสรุปไว้เป็นปรัชญาการศึกษาของโรงเรียนว่า“เด่นคุณธรรม เลิศล้าวิชา พัฒนาสังคม”
1. เด่นคุณธรรม หมายถึง การปลูกฝังคุณธรรมต่างๆ ในตัวนักเรียนให้ปรากฏเด่นชัดในการดาเนินชีวิตเช่นมีความซื่อสัตย์ มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีน้าใจ มีความกตัญญูรู้คุณ มีความยุติธรรมฯลฯ
๒. เลิศล้าวิชา หมายถึง การหมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เป็นนิจ ฝึกฝนตนเองให้มีความสามารถและมีความชานาญในการใช้ความรู้ของตนเองให้เต็มที่ คือเป็นเลิศในสิ่งที่ตนเรียนรู้
๓. พัฒนาสังคม หมายถึง การนาเอาความรู้ที่ตนได้รับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองครอบครัวและสังคมด้วยจิตสานึกว่า “ตนเป็นส่วนหนึ่งของสังคม” รู้จักเสียสละรับใช้ช่วยเหลือตามความสามารถของตนเพื่อยกระดับสังคมให้ดีขึ้น
วิสัยทัศน์ของโรงเรียน
“ สร้างคนดี มีคุณธรรม เป็นผู้นาการศึกษา พัฒนาความคิด ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง รักษ์ความเป็นไทย ใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ นาภาษาสื่อสารสู่สากล”
พันธกิจ 
1. ส่งเสริมผู้เรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
2. ส่งเสริมการจัดกิจกรรมที่เสริมสร้างพัฒนาการให้มีสุขภาวะที่ดีและมีสุนทรียภาพ
3. มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมีความเป็นเลิศทางวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด สามารถสื่อสารภาษาได้อย่างน้อย 2 ภาษา ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์
4. ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับกิจกรรมหลักสูตร และบูรณาการหลัก
5. ส่งเสริมการจัดทาแผนพัฒนาโรงเรียนเป็นแนวทางในการดาเนินงานและให้ผู้รับผิดชอบทุกฝ่ายได้ใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน
6. ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในด้านความรู้ ความสามารถ เทคนิคการสอนและมีทักษะการใช้สื่อนวัตกรรมใหม่ๆ
7. ส่งเสริมการบริหารจัดการให้เอื้ออานวยความสะดวกทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างเป็นระบบและสม่าเสมอ
เป้าหมาย
1. ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์
2. ผู้เรียนมีระเบียบวินัยและปฏิบัติตามกฎระเบียบของสังคมและสามารถทางานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
3. ผู้เรียนร้อยละ ๗๕ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่โรงเรียนกาหนด
4. ผู้เรียนมีทักษะในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ
5. ผู้เรียนสามารถอ่านคิด วิเคราะห์และเขียนได้อย่างมีระบบ
6. ผู้เรียนรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและความเจริญก้าวหน้าในการจัดการการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีปรับวิธีการคิดวิธีการทางานได้เหมาะสมกับสถานการณ์
7. ผู้เรียนมุ่งประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามให้แก่ชุมชนและสังคม
8. ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพบุคลิกภาพของบุคลากรทุกคนให้มีความรู้ความสามารถมีคุณธรรมจริยธรรมเหมาะสมและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้เรียน

"เก่ง ดี มีสุข"
คำว่า “เก่ง – ดี – มีสุข” เป็นคำที่เริ่มต้นจากฝ่ายการศึกษา ต่อมาได้มีผู้นำไปใช้อย่างแพร่หลายเพราะเป็นคำพูดง่ายติดปาก แม้แต่ข้าพเจ้าเองยังพูดแต่คำว่า เก่ง - ดี - มีสุข แต่ความหมายจริง ๆ หมายความว่าอะไร ยังไม่รู้เลย ข้าพเจ้าจึงหาความหมายของ เก่ง – ดี – มีสุข ในแง่ต่าง ๆ มาเล่าสู่กันฟัง
การศึกษา คำว่าเก่ง – ดี – มีสุข มีความหมายดังนี้
เก่ง หมายถึง ความสามารถทางพุทธิปัญญา คือ ความรู้ความเข้าใจที่แจ่มแจ้งสามารถนำไปใช้ได้ วิเคราะห์เป็น สังเคราะห์ได้ ประเมินได้อย่างเข้าใจ และรู้แจ้งตามศักยภาพ
ทักษะปฏิบัติ คือ มีความรู้แจ้งแล้วยังมีความชำนาญปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ทั้งที่เป็นทั้งทักษะฝีมือและทักษะทางปัญญา
ดี หมายถึง เป็นผู้มีเจตคตินิยมที่ดีทั้งต่อการเรียน ความเป็นอยู่ต่อบุคคล ต่อสังคม ชุมชน และประเทศ
มีสุข หมายถึง สนุกกับการเรียนและใคร่เรียนรู้ตลอดชีวิต
เก่ง หมายถึง ความสามารถในการรู้จักตนเอง มีแรงจูงใจ สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาและแสดงออกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดีกับผู้อื่น ประกอบด้วยความสามารถดังต่อไปนี้
1.       รู้จักและมีแรงจูงใจในตนเอง
1.1 รู้ศักยภาพตนเอง
1.2 สร้างขวัญและกำลังใจให้ตนเองได้
1.3 มีความมุมานะไปสู่เป้าหมาย
2.   ตัดสินใจและแก้ปัญหา
        2.1 รับรู้และเข้าใจปัญหา
        2.2 มีขั้นตอนในการแก้ปัญหา
         2.3 มีความยืดหยุ่น
3.มีสัมพันธภาพกับผู้อื่น
3.1 สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
3.2 กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม
3.3 แสดงความคิดเห็นขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
ดี หมายถึง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความต้องการตนเอง รู้จักเห็นใจผู้อื่น และมีความรับผิดชอบต่อส่วนร่วม ประกอบด้วยความสามารถต่อไปนี้
1.ควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง
1.1 รู้อารมณ์และความต้องการของตนเอง
1.2 ควบคุมอารมณ์และความต้องการได้
2. เห็นใจผู้อื่น
2.1 ใส่ใจผู้อื่น
2.2 เข้าใจยอมรับผู้อื่น
2.3 เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
สุข หมายถึง ความสามารถในการดำเนินชีวิตอย่างมีสุข ประกอบด้วย
1.       ภูมิใจในตนเอง
1.1   เห็นคุณค่าในตนเอง
1.2   เชื่อมั่นในตนเอง
2.พึงพอใจในชีวิต
2.1 มองโลกในแง่ดี
2.2 มีอารมณ์ขัน
2.3 พอใจในสิ่งมี่ตนมีอยู่
3. มีความสงบทางใจ
3.1มีกิจกรรมที่เสริมสร้างความสุข
3.2 รู้จักผ่อนคลาย
3.3 มีความสงบทางจิตใจ

"3R7C" 


ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ที่เขียนโดย ศ. น.พวิจารณ์  พานิช ได้กล่าวว่า การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ที่คนทุกคนต้องเรียนรู้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัย  และตลอดชีวิต คือ 3R x 7C

3R  ได้แก่
Reading (อ่านออก)
(W)Riting (เขียนได้) 
 (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น)

7C ได้แก่
 Critical thinking & problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
Creativity & innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม)
Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
Collaboration, teamwork & leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
Communications, information & media literacy (ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ)
Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
Career & learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)

ดังนั้นทักษะของคนต้องเตรียมคนออกไปเป็น knowledge worker โดยครูเพื่อศิษย์นั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยสิ้นเชิงเพื่อให้เป็น  “ครูเพื่อศิษย์ ในศตวรรษที่ 21” ไม่ใช่ครูเพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 20 หรือศตวรรษที่ 19 ที่เตรียมคนออกไปทำงานในสายพานการผลิตในยุคอุตสาหกรรม  การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องเตรียมคนออกไปเป็นคนทำงานที่ใช้ความรู้ (knowledge worker) และเป็นบุคคลพร้อมเรียนรู้ (learning person) ไม่ว่าจะประกอบ สัมมาชีพใด มนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ต้องเป็นบุคคลพร้อมเรียนรู้ และเป็น คนทำงานที่ใช้ความรู้  แม้จะเป็นชาวนาหรือเกษตรกรก็ต้องเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้ และเป็นคนทำงานที่ใช้ความรู้ ดังนั้น ทักษะสำคัญที่สุดของศตวรรษ  ที่ 21 จึงเป็นทักษะของการเรียนรู้ (learning skills)

ครูเพื่อศิษย์เองต้องเรียนรู้ 3R x 7C  และต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต  แม้เกษียณอายุจากการเป็นครูประจำการไปแล้ว เพราะเป็นการเรียนรู้เพื่อชีวิตของตนเอง  ระหว่างเป็นครูประจำการก็เรียนรู้สำหรับเป็นครูเพื่อศิษย์  และเพื่อการดำรงชีวิตของตนเอง โดยย้ำว่าครูต้องเลิกเป็น “ผู้สอน” ผันตัวเองมาเป็นโค้ช หรือ facilitator ของการเรียนของศิษย์   ที่ส่วนใหญ่เรียนแบบ PBL  คือโรงเรียนในศตวรรษที่ ๒๑ ต้องเลิกเน้นสอน หันมาเน้นเรียน  เน้นทั้งการเรียนของศิษย์ และของครู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น